หมวดหมู่นี้มีข้อมูลเกี่ยวกับวิธีกลยุทธ์การวางแผนการสำรองข้อมูลและการกู้คืน และวิธีการสำรองระบบของคุณ และยังมีข้อมูลเกี่ยวกับปลั๊กอินการสำรองข้อมูล การกู้คืน และการให้บริการสื่อบันทึกเข้าใน System i Navigator ข้อมูลเกี่ยวกับการกู้คืนเซิร์ฟเวอร์ของคุณ และคำตอบของคำถามที่ถามบ่อยเกี่ยวกับการสำรองข้อมูลและการกู้คืน
วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2559
ใบงานที่ 14 สำรองและป้องกันความเสียหายของข้อมูล
Information Security ความปลอดภัยของข้อมูล
เทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ทำให้สิ่งสำคัญที่สุดของระบบไอที ไม่ใช่อุปกรณ์ Hardware อีกต่อไป
แต่อยู่ที่ "ข้อมูล" หากได้รับความเสีย ก็ยากที่จะกู้คืนได้ทั้งหมด
เราจึงเสนอวิธีการลดความเสี่ยงความเสียหายของข้อมูล
ด้วยเทคโนโลยีที่คุ้มค่าและราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับความเสียหาย
หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ความเสียหายของข้อมูลยากที่จะประเมินมูลค่า
Backup Solution
สำรองข้อมูลอัติโนมัติด้วยอุปกรณ์ RAID
สำรองข้อมูลอัติโนมัติด้วยอุปกรณ์ RAID
วิธีหนึ่งที่สำรองข้อมูลแล้วค่อนข้างได้ผล
คือใช้เทคโนโลยี RAID (Redundant Array of Inexpensive Disk) ช่วยสำรองข้อมูล
เทคโนโลยีนี้จะเก็บข้อมูลไว้ใน Harddisk อีกลูก และด้วยราคาของ Harddisk
ปัจจุบัน ราคาไม่สูงเมื่อเทียบต่อความจุ
การสำรองข้อมูลเป็นไปโดยอัติโนมัติ ซึ่งมีอยู่ทั้ง PC และ
Server
เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน Harddisk เสียหาย
ระบบจะยังคงทำงานได้อยู่ ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยลดความเสี่ยงของธุรกิจได้
RAID คืออะไรและมีประโยนช์อย่างไร
การสำรองข้อมูลก่อนได้รับความเสียหาย
การเตรียมการสำรวจข้อมูลเพื่อที่จะสำรองข้อมูล
และสำรองข้อมูลด้วยวิธีต่างๆ เป็นสิ่งที่ควรทำ
เพราะจะไม่ทำให้คุณต้องมานั่งคอตกในยามที่ข้อมูลได้รับความเสียหาย
จนไม่อาจเข้าไปเอาข้อมูลคืนได้
ระบบแบ็กอัพจะตั้งเวลาทำสำเนาข้อมูลจากคอมพิวเตอร์หรือเซิร์ฟเวอร์แบบต่างๆ
ไปเก็บไว้ในอุปกรณ์หรือสื่อเก็บข้อมูลอื่นๆ เพื่อให้ท่านสามารถเรียกคืนกลับมาได้
ในกรณีที่ข้อมูลของท่านเสียหาย ติดไวรัส ถูกแก้ไขหรือลบโดยไม่ตั้งใจ หรือเหตุการณ์อื่นๆ
ที่ทำให้ข้อมูลที่ใช้งานอยู่ เกิดเสียหาย
ซึ่งเรามีโซลูชันแบ็กอัพให้เลือกมากมายตามความต้องการ และงบประมาณของท่าน
ประโยชน์ของโซลูชัน Backup
- มั่นใจว่าข้อมูลอันมีค่าจะยังคงอยู่ตลอดไป
- ลดความเสี่ยง ป้องกันความสูญเสียทางธุรกิจ
อันเนื่องจากข้อมูลที่เสียหาย
- ลดภาระของเจ้าหน้าที่ไอที
ทำให้มีเวลาเหลือไปทำงานอื่นที่สำคัญมากขึ้น
- เพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน
เนื่องจากมีข้อมูลพร้อมใช้งานตลอดเวลา
เริ่มต้นสร้างโซลูชัน Backup อย่างไร?
- ประเมินมูลค่าของข้อมูล
รวมถึงความเสียหายในเชิงธุรกิจในช่วงที่ข้อมูลไม่อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
- หลังจากข้อมูลเสียหาย
จำเป็นต้องกอบกู้ข้อมูลกลับมาได้เร็วแค่ไหน
สามารถย้อนกลับไปที่ข้อมูลล่าสุดที่จุดใด
- ลดความเสี่ยงข้างต้น
ซึ่งจะสอดคล้องกับค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาข้อมูลที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
AI COMPUTER ช่วยท่านได้อย่างไร?
เราพร้อมที่จะช่วยท่านในทุกขั้นตอน
เพื่อจัดสร้างโซลูชัน Backup ที่เหมาะสมกับองค์กรของท่านมากที่สุด
- การสอบถาม
ความต้องการ และงบประมาณของท่าน ตามความเสี่ยงที่ท่านรับได้
- ประเมินระบบโครงสร้างพื้นฐานไอที
ณ ปัจจุบัน ว่าควรปรับปรุงเพิ่มเติมตรงส่วนใดบ้าง
- ให้คำปรึกษา
ตลอดจนการออกแบบโซลูชันใหม่ที่สามารถตอบโจทย์ของท่านได้จริง
- การจัดหาผลิตภัณฑ์ ติดตั้ง
และวางโซลูชันที่ตกลงกัน
- การสนับสนุนหลังการขายใบงานที่ 13 การแก้ปัญหาคอมพิวเตอร์ด้วยโปรแกรมอรรถประโยชน์
1) โปรแกรมอรรถประโยชน์สำหรับระบบปฏิบัติการ (OS utility)
เป็นโปรแกรมอรรถประโยชน์ที่มักมีการติดตั้งมาพร้อมระบบปฏิบัติการอยู่แล้ว ซึ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการทำงานร่วมกับคอมพิวเตอร์ ตัวอย่างเช่่น
1.1) โปรแกรมอรรถประโยชน์จัดการไฟล์ (file manager)เป็นโปรแกรมอรรถประโยชน์ที่มีหน้าที่หลักในการจัดการเกี่ยวกับไฟล์ต่างๆ เช่น สามารถคัดลอกแฟ้มข้อมูล เปลี่ยนชื่อแฟ้มข้อมูล ลบแฟ้มข้อมูล หรือเรียกใช้งานโปรแกรมต่างๆ ได้อย่างสะดวกเป็นต้น ซึ่งระบบปฏิบัติการวินโดวส์รุ่นใหม่ๆ ยังได้เพิ่มคุณสมบัติที่แสดงไฟล์เป็นรูปภาพเหมือนจริงเพื่อนำมาปรับใช้กับไฟล์ที่เป็นรูปภาพอีกด้วย
1.2) โปรแกรมยกเลิกการติดตั้งโปรแกรม (uninstaller)เป็นโปรแกรมอรรถประโยชน์ที่ใช้ในการยกเลิกโปรแกรมที่ทำการติดตั้งไว้ในระบบ เมื่อผู้ใช้ทำการติดตั้งโปรแกรม ระบบปฏิบัติการจะทำการบันทึกโปรแกรมนั้นไว้ในระบบไฟล์ หากผู้ใช้ต้องการลบโปรแกรมนั้นออกจากเครื่องสามารถใช้โปรแกรมยกเลิกการติดตั้งโปรแกรมได้
1.3) โปรแกรมอรรถประโยชน์ดิสก์ (disk scanner)เป็นโปรแกรมอรรถประโยชน์ที่ใช้ในการตรวจหาความเสียหายที่เกิดขึ้นกับฮาร์ดดิสก์ ซึ่งผู้ใช้สามารถกำหนดให้โปรแกรมตรวจสอบดิสก์และซ่อมส่วนที่เสียหายได้
1.4) โปรแกรมจัดเรียงพื้นที่จัดเก็บข้อมูลของฮาร์ดดิสก์ (disk defragmenter) เป็นโปรแกรมอรรถประโยชน์ที่มีประโยชน์ในการใช้งานอย่างมาก เพราะเมื่อมีการเรียกใช้งานดิสก์ของคอมพิวเตอร์บ่อยๆ จะทำให้แฟ้มข้อมูลกระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบ ไม่ได้อยู่เป็นกลุ่มเดียวกัน และเมื่อต้องการเรียกใช้อีกในภายหลัง จะทำให้ใช้เวลามากขึ้นในการดึงข้อมูลนั้นๆ โดยโปรแกรมประเภทนี้จะทำหน้าที่จัดเรียงไฟล์ต่างๆ ให้เป็นระเบียบมากขึ้น เพื่อช่วยในการเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและรวดเร็ว
1.5) โปรแกรมรักษาหน้าจอ (screen saver)เนื่องจากเมื่อเปิดจอภาพของคอมพิวเตอร์ให้ทำงานและปล่อยทิ้งไว้ให้แสดงภาพเดิมโดยไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เป็นเวลานานจะเกิดรอยไหม้บนสารเรืองแสงที่ฉาบผิวจอ และไม่สามรถลบออกไปได้ ซึ่งเมื่อปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานานอาจส่งผลให้อายุการใช้งานของหน้าจอคอมพิวเตอร์สั้นลงตามไปด้วย โปรแกรมประเภทนี้จะช่วยป้องกันปัญหาดังกล่าวได้เป็นอย่างดี โดยผู้ใช้สามารถตั้งค่าระยะเวลาให้แกรมตรวจสอบและเริ่มทำงานได้หากไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ของจอภาพ เช่น 5 นาที หรือ 10 นาที เป็นต้น ซึ่งเมื่อเราขยับเมาส์ หรือเริ่มทำงานใหม่ โปรแกรมนี้ก็จะหายไป
1.4) โปรแกรมจัดเรียงพื้นที่จัดเก็บข้อมูลของฮาร์ดดิสก์ (disk defragmenter) เป็นโปรแกรมอรรถประโยชน์ที่มีประโยชน์ในการใช้งานอย่างมาก เพราะเมื่อมีการเรียกใช้งานดิสก์ของคอมพิวเตอร์บ่อยๆ จะทำให้แฟ้มข้อมูลกระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบ ไม่ได้อยู่เป็นกลุ่มเดียวกัน และเมื่อต้องการเรียกใช้อีกในภายหลัง จะทำให้ใช้เวลามากขึ้นในการดึงข้อมูลนั้นๆ โดยโปรแกรมประเภทนี้จะทำหน้าที่จัดเรียงไฟล์ต่างๆ ให้เป็นระเบียบมากขึ้น เพื่อช่วยในการเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและรวดเร็ว
1.5) โปรแกรมรักษาหน้าจอ (screen saver)เนื่องจากเมื่อเปิดจอภาพของคอมพิวเตอร์ให้ทำงานและปล่อยทิ้งไว้ให้แสดงภาพเดิมโดยไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เป็นเวลานานจะเกิดรอยไหม้บนสารเรืองแสงที่ฉาบผิวจอ และไม่สามรถลบออกไปได้ ซึ่งเมื่อปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานานอาจส่งผลให้อายุการใช้งานของหน้าจอคอมพิวเตอร์สั้นลงตามไปด้วย โปรแกรมประเภทนี้จะช่วยป้องกันปัญหาดังกล่าวได้เป็นอย่างดี โดยผู้ใช้สามารถตั้งค่าระยะเวลาให้แกรมตรวจสอบและเริ่มทำงานได้หากไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ของจอภาพ เช่น 5 นาที หรือ 10 นาที เป็นต้น ซึ่งเมื่อเราขยับเมาส์ หรือเริ่มทำงานใหม่ โปรแกรมนี้ก็จะหายไป
ใบงานที่ 12 การตรวจและกำจัดไวรัส
โปรแกรม Anti Virus ของบริษัท bitdefender
วิธีป้องกันและกำจัด Virus
วิธีการป้องกันไวรัส
1. ติดตั้งโปรแกรมกำจัดไวรัส และตรวจสอบเป็นประจำ 2. ปรับปรุง หรืออัปเดทโปรแกรมกำจัดไวรัส 3. ปรับปรุง หรืออัปเดท O.S. เช่น Windows, Linux เป็นต้น 4. ปรับปรุง หรืออัปเดทโปรแกรมในการตรวจรับ Mail 5. ปรับปรุง หรืออัปเดทโปรแกรม Browser เช่น Internet Explorer เป็นต้น 6. ตรวจสอบแแผ่นดิสก์จากการใช้งานร่วมกับผู้อื่น 7. สังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน 8. หลีกเลี่ยงการ ก๊อปปี้โปรแกรมจากภายนอก 9. จัดทำแผ่น Boot เพื่อใช้สำหรับกรณีมีปัญหาไม่สามารถเข้า Windws ได้ ขั้นตอนในการป้องกันไวรัส ปัจจุบันการใช้งานอินเตอร์เน็ต ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ที่หลายๆ คน และหลายๆธุรกิจจะขาดเสียมิได้ และถือเป็นช่องทางที่ผู้คิดค้นไวรัสชอบมากที่สุด เนื่องจากสามารถแพร่กระจายได้พร้อมกันทั่วโลกเลยทีเดียว ดังนั้น ถ้าคุณเป็นผู้หนึ่งที่จำเป็นต้องใช้งานคอมฯ ในส่วนของ อินเตอร์เน็ต หรือมีเพื่อนร่วมงานใช้อินเตอร์เน็ตด้วยละก็ ก็คงจะต้องระวังตัวไว้ให้ดี ส่วนวิธีการป้องกันแบบได้ผลดีมาก เป็นที่นิยม และมีความเสี่ยงน้อยสุด (แต่ไม่รับรอง 100% ว่าจะไม่ติดไวรัส) ให้ทำตาม 3 ขั้นตอน ดังนี้ 1. ติดตั้งโปรแกรม Firewall ซึ่งเป็นโปรแกรมในการป้องกัน hacker ได้ดีมาก ซึ่งมีทั้งที่เป็น hardware และ software สำหรับ software อาจหาฟรี download ได้จากเว็บไซท์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Sygate Personal Firewall, ZoneAlarm ซึ่งเป็น freeware ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก ถ้าสนใจเราก็ทำลิงค์สำหรับการ download ไว้ให้แล้วที่หน้า Anti-Virus (สำหรับองค์กรใหญ่ๆ มักมีการติดตั้ง Firewall ไว้แล้ว ดังนั้นอาจไม่จำเป็นต้องติดตั้งเพิ่มเติมอีกก็ได้ 2. Update Windows ให้ทันสมัยอยู่เสมอ โดยเรียกใช้โปรแกรม Windows Update แบบอัตโนมัติ ที่มีมากับ Windows ที่คุณใช้งานอยู่ เพื่อเป็นการป้องกันช่องโหว่ของโปรแกรม Windows ที่พวก hacker ค้นพบ แต่ต้อง update online ผ่านอินเตอร์เน็ต เท่านั้น (เนื่องจากมีการ update บ่อยมาก อาจมีการ update ทุกวันเลยทีเดียว) ขั้นตอนการเรียกโปรแกรม Windows Update - คลิกปุ่ม Start เลือก Settings - คลิกเลือก Control Panel - ใน Windows 2000 จะมีไอคอน Automatic Updates ให้คลิกเลือกได้เลย - ใน Windows XP จะอยู่ทีแถบด้านซ้ายมือชื่อ Windows Update หลังจากนั้นจะมีการรายงานว่ามีโปรแกรมอะไรบ้างที่จะต้อง update เราสามารถคลิกเลือกรายการที่ต้องการ update ได้ (ถ้าไม่ทราบให้เลือกทั้งหมด) หลังจากนั้นโปรแกรมจะเริ่ม download และติดตั้งให้จนกระทั่งเสร็จ โดยทั่วไปจะต้องมีการ restart windows ใหม่หนึ่งครั้ง ส่วนการ update แบบอัตโนม้ตินั้น สามารถกำหนดให้ update ทุกๆ ชั่วโมง ทุกวัน หรือเวลาใดก็ได้ 3. ติดตั้งและ Update Anti-Virus โปรแกรมอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในส่วนของ DAT & Engine สามารถอ่านรายละเอีดยเพิ่มเติมได้จากหน้า Anti-Virus Pattern / DAT / Engine คืออะไร Engine และ DAT หมายถึงอะไร ENGINE หมายถึง คำสั่ง เครื่องมือ หรือเทคนิควิธีการในการจัดการไวรัส DAT File หมายถึง ข้อมูลหรือวิธีการหลบซ่อนของไวรัส (บางค่ายเรียก DAT ว่า Pattern) โดยปกติเมื่อเรามีการติดตั้งโปรแกรม ป้องกันและกำจัดไวรัสแล้ว ในส่วนของ Engine และ DAT ไฟล์ที่มี อาจจะยังไม่ update ล่าสุด ทั้งนี้เนื่องมาจาก virus มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เราควรทำการ update Engine & DAT ไฟล์อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเราสามารถ update โดยตรงผ่านทาง internet ได้ ทำความรู้จัก Live Update หลังจากที่คุณได้มีการเลือกว่า คุณจะใช้โปรแกรมอะไรในการติดตั้งในระบบคอมพิวเตอร์ของคุณ เพื่อใช้ในการป้องกันไวรัสแล้ว สิ่งหนึ่งที่ขาดเสียมิได้ในการทำให้โปรแกรม Anit-virus ของคุณ สามารถป้องกันไวรัสได้ดี นั่นคือ การ Update ตัวโปรแกรมเอง กับ การ Update ไฟล์ข้อมูลไวรัส (ที่เราเรียกว่า DAT File, หรือ Pattern File) โดยปกติตัวโปรแกรม Anti-virus มักจะไม่ค่อย Update บ่อยมาก ยกเว้นกรณีมีไวรัสตัวแปลกๆ ใหม่เข้ามา ซึ่งตัวโปรแกรมเดิมอาจไม่สามารถแก้ไขได้เต็มประสิทธิภาพ แต่สำหรับไฟล์ DAT นั้น จะต้องมีการ update บ่อย อย่างน้อยก็อาทิตย์ละครั้ง ซึ่งเราจะมีวิธีในการ update ได้หลายวิธี แต่วิธีหนึ่งที่อยากแนะนำ คือการทำ Live Update Live Update เป็นวิธีการหนึ่งที่ผู้ผลิตโปรแกรม Anti-virus นิยมนำมาใช้ เพื่อใช้ในการ update DAT ไฟล์ แบบอัตโนมัติ ผ่านทาง internet โดยปกติโปรแกรมจะทำการติดตั้งระบบ Live Update นี้พร้อมกับตัวโปรแกรม Anti-Virus เอง และจะทำการตรวจสอบ อาจเป็นทุกๆ สัปดาห์ หรือทุกครั้งที่มีการ online Internet และถ้าโปรแกรมพบว่า DAT ไฟล์นั้น ไม่ทันสมัย ตัวโปรแกรม Anit-virus ก็จะ update ให้อัตโนมัติ |
ใบงานที่ 11 การบำรุงรักษาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์
การบำรุงรักษาเครืองคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์
เครืองคอมพิวเตอร์เมือได้มีการใช้งานและควรมีการบำรุงรักษาเป็นประจำเพื่อการยืนอายุการใช้งานเครืองคอมพิวเตอร์ การบำรุงเครืองอย่างสมํ่าเสมอจะทำไห้เครืองสามารถทำงานได้ตามปกติ แต่ในการดูแลอุปกรณ์ของเครืองคอมพิวเตอร์ในแต่ละชิ้นส่วนรนั้นผู้ดูแลบำรุ่งรักษาต้องมีความรู้เกียวกับอุปกรณ์นั้นๆ ควรได้การศิกษาวิธีการบำรุ่งรักษาให้เข้าใจสำหรับการบำรุงรักษาในแต่ละชิ้น
ฟล็อปปี้ไดรฟ์
เป็นอุปกรณ์ทีต้องดูแลอยางสมํษ้เสมอ การทำความสะอาดอาจจะสัปดาห์ละ1ครั้งหรืออาจำเป็นตอยางน้อยควรจะเด์อนละ 1 ครั้งไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้หัวอ่านสุกปรกได้ โดยควรใช้นํ้ายาสํ้าหรับล้างดิสก์ ตามขั้นตอนในคู่มือการใช้นํ้ายาทีระบุไว้ด้วยการหยดนํ้ายาใส่หัวล้างแล้วนําสอดในดิสก์ไดรฟ์ ซิงหัวล้างจะมีลักษณะเหมือนกับขนาดของดิสก์นั้นๆ เมือเกิดความสกปรกทีหัวอ่านอาจจะทำให้การบัญทึกข้อมูลมีปัญหา หรือ บัญทึกไม่ได้เวลาไปอ่านทีเครืองอืนๆ อาจจะทำให้มีปัญหาได้ดั้งนั้นครัวหมั่นดูแล หากอายุการใช้งานผ่านไปหลายเดือนควรได้รับการเป่าฝุ่นด้วยการถอดชิ้นสวนเครืองออกทั้งหมดแล้วทั้าการเป่าฝุนในชิ้นสวนต่างๆของเครือง
เมนบอร์ด( Mainbord )
การทำงานของเมนบอร์ดเป็นการทำงานของวงจรอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นส่วนทีสำคัญเพราะเมนบอร์ดเป็นศูนย์รวมของอุปกรณ์ต่างๆในเครื่องคอมพิวเตอร์ทีติดตั้งอยู่ เช่น ชีพียู CPU หน่วยความจำรอม Rom แรม ram ส่วนประกอบอื่นๆ หากเมนบอร์ดสามารถทำงานได้ตามปกติหมายถึงของการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นเป็นอันจบลงเพราะไม่สามารถใช้งาน อย่างมากก็ต้องถอดชิ้นส่วนทีพอถอดได้ แล้วนำไปติดตั้งให้กับเมนบอร์ดอื่นๆทีเข้ากันได้ดังนั้นควรมีการบำรุงรักษาอย่างดีก่อนทีจะสายเกินไป การบำรุงรักษาทีดีทีสุดคือการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการเป่าฝุ่นเป็นประจำ หรืออาจมีการกันอีกชั้นหนึ่งก็คือการมีผ้าคลุมเครื่องหรือมีห้องมิดชิด การเก็บรักษาเครื่องในอุณหภูมิทีเหมาะสมยังเป็นการยืนอายุการยืดอายุการใช้งานของเมนบอร์ดด้วย
หน่วยความจำผลกลาง( Central Processing unit)
หน่วยความจำผลกลางเป็นศูนย์กลางการประมวลทั้งหมดของเครื่องคอมพิวเตอร์หรือถือว่าเป็นสมองของเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นเอง ประกอบด้วยหน่วยความจำหน่วยคำนวณและหน่วยควบคุมการยืนอายุการใช้งานของเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น มีวิธีการทีได้ผลิตมาจากโรงงานพร้อมชีพียูหรืออาจจะซื้อเพิ่มเติมได้ไนบางรุ่นนั้นก็คือพัดลมระบายอากาศทีติดอยู่กับชีพียูบ่อยนัก ปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่จะเกิดจากความสกปรกของพัดลมทำไห้การพัดทำงานไม่ปกติทำให้ไม่ความร้อนทีเกิดจากการทำงานของชีพียู
ชีดีรอมไดร์ฟ CD-Rom drive)
การดูแลรักษาชีดีรอมไดร์ฟนั้นมีวิธีการใกล้เคียงกัน การดูแลรักษาชีดีรอมไดร์ฟนั้นมีวิธีการใกล้เคียงกันกับดิสก์ คือดูแลความสะอาดด้วยการเป่าฝุ่นการใช้น้ำยาแผนทำความสะอาดแล้วนำใส่ชีดีรอมไดรฟ์เพื่อเป็นการทำความสะอาดหัวอาน การปฏิบัติเช่นนี้เป็นประจำเป็นการยืนอายุการใช้งานชีดีรอมไดร์ฟเป็นอย่างดี
จอภาพ (monitor)
จอภาพเป็นส่วนแสดงผลจากการประมวล ดั้งนั้นวิธีการบำรุงรักษาจอภาพจึงเหมือนกันกับอุปกรณ์อื่นในเครื่องคือ ป้องกันไม่ให้ฝุ่นละอองเข้าสู่จอภาพ ด้วยการใช้ผ้าคลุมจอภาพไว้ขณะที่ไม่มีการใช้งาน การใช้เครื่องในห้องทีมิดชิด และทีสำคัญในการทำความสะอาดด้วยน้ำยาทำความสะอาดคอมพิวเตอร์ คือนำผ้าหรือโฝ่มเช็ดด้วยน้ำยาควรใช้ผ้าชุบน้ำบิดให้หมาดจริงๆไม่ให้มีน้ำหยดอาจจะวงจรอิเล็กทรอนิกส์ภายในจอภาพได้อีกวิธีหนึ่ง สามารถทำได้แต่ภายนอกเครื่องอาจจะช่วยได้ไม่มากนักคือการเป่าฝุ่น หากไม่สะดวกอาจต้องแกะฝาครอบออกและเป่าฝุ่นควรเป่าในระยะไกลเพราะอาจจะร้อนเกินไปทำให้เกิดความเสียหายกับวงจรได้
แหล่งจ่ายไฟ ( Power Supply )
แหล่งจ่ายไฟเป็นกระแสไฟในเครื่องคอมพิวเตอร์โดยใช้กระแสดีชี CD ไม่ใช้กระแสเอชี AC ทีออกจากปลั๊ก คอมพิวเตอร์จะจัดการเปลี่ยนจากAC เป็น AC ก่อนสิ่งที่ต้องระมัดระวังเกี่ยวกับเรื่องกระแสไฟไหลไม่สม่ำเสมอจะมีผลเสียต่อตัวเครื่องมาก ควรมีการติดตั้งอุปกรณ์ทีใช้ควบคุมในเรืองนี้ด้วยแหล่งจ่ายไฟเป็นส่วนทีสำคัญสำหรับระบบการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์เพราะเป็นส่วนทีทำหน้าท่าแรงดันให้กับแผนวงจรต่างๆ ภายในระบบ หากแหล่งจ่ายไฟมีคุณภาพต่ำอาจเป็นผลให้อุปกรณ์อื่นๆ เสียหายได้ เพราะปัญหาใหญ่สำหรับการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆที่ไม่ปกตินั้นเกิดจากกระแสไฟฟ้าไม่เพียงพอ ทำให้สัญญาณไปรบกวนอุปกรณ์อื่นๆได้วิธีการทีจะบำรุงรักษาไห้แห่ลงจ่ายไฟมีอายุยาวนานในการใช้งานคือ การมีเครื่องสำรองไฟฟ้า up เพื่อป้องกันเครื่อง
เครื่องพิมพ์ ( Printe)
เครื่องพิมพ์ที่ใช้ในปัจจุบันมีหลายประเภท เช่น แบบกระทบ( Impact Printer) ซึ่งจะรวมถึงแบบจุด Don matrix และแบบจาน ( Daisy wheel) นอกจากนั้นก็ยังมีแบบไม่กระทบ Non Impact Printer ซึ่งแบ่งเป็นแบบฉีดหมึก Ink Jet และเครื่องพิมพ์เลเซอร์ ( laser Printer )
*เครื่องพิมพ์แบบจุด ( Dot Matrix printer) ส่วนมากเรียกสั้นๆว่า( Do matrix )หรือdot printer หมายถึงเครื่องพิมพ์หรืออุปกรณ์แสดงผลของคอมพิวเตอร์ชนิดหนึ่ง ใช้เข็มตอกลงไปลงบนกระดาษ ทำให้ผลทีออกมาดูเป็นจุดเรียงไปตามรูปสีเหลี่ยมจุดเหล่านี้จะรวมกันเป็นตัวอักษรทีเป็นรูปและขนาดทีต้องการ สำหรับเส้นโค้งนั้นเครื่องพิมพ์ชนิดนี้ทำไม่ได้ดีนัก แต่หากมีจุดเรียงกันได้ละเอียดเท่าใด เส้นโค้งก็จะดูดีขึ้นและอักษรก็จะดูสวยงามขึ้น คุณภาพของเครื่องพิมพ์นั้น จึงวัดกันเป็นจำนวนจุดต่อนิ้ว ยิ่งเครื่องพิมพ์มีคุณภาพ ก็ต้องยิ่งมีจำนวนจุดต่อนิ้วมาก
การบำรุงรักษาเครื่องพิมพ์แบบ (Dot Matrix Printer ) มีดั้งนี้
*การทดสอบหรือการสั่งพิมพ์เครื่องพิมพ์ควรตรวจสอบการใส่ผ้าหมึก กระดาษว่าเรียบร้อยหรือไม่เพื่อเป็นการถนอมหัวเข็ม
*การใส่กระดาษควรใส่ให้ถูกวิธีเช่นการโหลดกระดาษแบบอัตโนมัติ หรือการ โหลดกระดาษโดยการกดเครื่องพิมพ์โหลดไม่ควรใช้ลูกบิดของเครื่องพิมพ์อาจจะทำให้เฟืองหรือลูกบิดชำรุดได้
*ควรใช้กระดาษที่มีคุณภาพ เช่น กระดาษต่อเนื่องหรือกระดาษถ่ายเอกสารเพราะหากเห็นกระดาษคุณภาพไม่ดีอาจจะทำให้หัวเข็มชำรุดเร็วขึ้น
*ก่อนการสั่งการเครื่องพิมพ์ทุกครั้งพิมพ์ทุกครั้งควรตรวจสอบอุปกรณ์ว่าอยู่ในสภาพเรียบร้อยทุกชิ้นสวนหรือไม่โดยเฉพาะฝาครอบของเครื่องส่วนมากไม่ชอบปิดอาจจะทำให้ฝุ่นละอองหรือเศษวัสดุเข้าไปติดในเครื่องพิมพ์ได้โดยง่าย
*เครื่องพิมพ์ประเภทนี้จะมีคันโยกสำหรับความหนาของกระดาษควรตรวจสอบความถูกต้องก่อนสั่งพิมพ์ทุกครั้ง
*ควรถอดชิ้นส่วนในการเป่าฝุ่นละอองบ้าง ทีสำคัญช่วงขั้นตอนการถอดชิ้นส่วนควรจำวิธีการประกอบคืนด้วย
*ฝาเครื่องควรเช็ดทำความสะอาดด้วยน้ำยาคอมพิวเตอร์อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งถ้าเป็นไปได้ควรทำเป็นประจำทุกวัน
เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (Laser Printer)
เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (Laser Printer) หมายถึง เครื่องพิมพ์แบบหนึ่งที่ใช้ลำแสงเลเซอร์ในการสร้างภาพและถ่ายทอดลง สู่กระดาษด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ความเร็วของเครื่องพิมพ์เลเซอร์นั้นวัดกันเป็นหน้าต่อนาที (PPC) เช่น 10 หน้าต่อนาที เป็นต้น ส่วนคุณภาพของการพิมพ์นั้นวัดเป็นจุดต่อนิ้ว (DPI) เช่น 600 จุดต่อ 1 นิ้ว ยิ่งมีจุดมาก แสดงว่ามีความละเอียดมาก ภาพจะชมชัดกว่าภาพที่มีจุดน้อยหรือมีความละเอียดน้อย
การบำรุงรักษาเครื่องพิมพ์แบบ Laser Printer มีดังนี้
*กระดาษที่นำมาใช้กับเครื่องพิมพ์ควรเป็นกระดาษถ่ายเอกสารหรือกระดาษสำหรับเครื่องพิมพ์โดยตรง
*หากมีกระดาษติดในเครื่องควรนำออกมาอย่างถูกวิธีตามขั้นตอนการเปิดเครื่องส่วนมากจะต้องเปิดฝาครอบยกขึ้นแล้วนำผ้าหมึกถอดออกจากเครื่องและนำกระดาษออก ไม่ควรฝืนหากนำกระดาษออกได้ ควรให้ผู้รู้เป็นคนดำเนินการแทน
*ขณะเครื่องพิมพ์กำลังทำงานหรือกำลังพิมพ์ไม่ควรปิดเครื่องกะทันหันอาจทำให้กระดาษติดได้
*การนำกระดาษใส่ในถาดครั้งละหลายแผ่นควรกรีดกระดาษก่อนเพื่อไม่ให้กระดาษติดเวลาสั่งพิมพ์
*ฝาเครื่องควรเช็ดทำความสะอาดด้วยน้ำยาคอมพิวเตอร์อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก (Inkjet Printer)
เครื่องพิมพ์นี้เป็นแบบพ่นหมึกจึงมีวิธีบำรุงรักษาดังนี้
*ควรเลือกกระดาษที่มีคุณภาพดีสำหรับใช้กับเครื่องพิมพ์ หากกระดาษบางเกินไปอาจจะมีปัญหาในเรื่องของการผิดกระดาษหรืออาจจะทำให้เฟืองผิดกระดาษชำรุดได้
*การนำกระดาษใส่ถาดควรกรีดกระดาษก่อนทุกครั้งเพื่อไม่ให้กระดาษติดเวลาผิดเข้าเครื่องอาจทำให้เฟืองชำรุดได้
*ควรถอดชิ้นส่วนในการเป่าฝุ่นละอองบ้าง ที่สำคัญช่วงขั้นตอนการถอดชิ้นส่วนควรจำวิธีการประกอบคืนด้วย
*ฝาเครื่องควรเช็ดทำความสะอาดด้วยน้ำยาคอมพิวเตอร์อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ถ้าเป็นไปได้ควรทำเป็นประจำทุกวัน
สิ่งที่เป็นอันตรายต่อเครื่องคอมพิวเตอร์มีดังนี้
1. กระแสไฟฟ้า หากเกิดกระแสไฟฟ้าขัดข้องหรือดับกะทันหันอาจเป็นเหตุให้เครื่องคอมพิวเตอร์ชำรุดได้ ควรมีแบตเตอรี่สำรองไฟฟ้า (UPS) ที่จะทำงานทันทีที่ไฟดับ โดยปกติแบตเตอรี่ขนาดนี้นั้นมีไว้ใช้พอที่จะสั่งให้เก็บงาน (Save) ที่ทำอยู่เท่านั้น ไม่ได้มีให้ใช้ต่อไปเมื่อบันทึกลงเก็บเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องรีบปิดเครื่อง
2. ความร้อน หากคอมพิวเตอร์มีความร้อนมากอาจทำให้วงจรอิเล็กทรอนิกส์ภายในเครื่องเสื่อมหรือชำรุดได้ โดยปกติซีพียูได้ติดตั้งพัดลมระบายอากาศให้กับซีพียูมาด้วยเพื่อเป็นการระบายความร้อนในระบบด้วย หากเป็นการถนอมและรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์ควรใช้ได้ควรปฏิบัติการอยู่ในสถานทีมีอากาศระบายอย่างดีสุดควรเป็นห้องปรับอากาศเพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งานของเครื่องคอมพิวเตอร์
3. ฝุ่นละออง หากการปฏิบัติงานในบริเวณทีมีฝุ่นละอองมากควรได้มีการป้องกัน เช่น อาจจะทำให้ห้องมิดชิด ไม่ควรกวาดพื้นให้ฝุ่นละอองคลุ้งกระจายในห้องปฏิบัติการอาจทำให้ฝุ่นละอองไปสะสมภายในอุปกรณ์ เช่นการ์ดและสล๊อตต่างๆซึ่งจะเป็นสาเหตุให้การทำงานผิดพลาดได้
4. การปิดเครื่องอย่างไม่ถูกวิธีหรือการเปิดเครื่องบ่อยๆ จะทำให้เครื่องกระชากอาจเป็นเหตุให้เครื่องเกิดข้อผิดพลาดได้
5. น้ำ ไม่ควรให้น้ำหกใส่อุปกรณ์ใดๆ เพราะจะทำให้อุปกรณ์เสียหายได้ ยิ่งขณะกำลังปฏิบัติงานกับเครื่องคอมพิวเตอร์ยิ่งต้องหลีกเหลี่ยงการใช้น้ำเพราะอาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้ทำให้เกิดอันตรายต่อเครื่องคอมพิวเตอร์และผู้ปฏิบัติการ
ปัญหาของเครื่องคอมพิวเตอร์
ปัญหาของเครื่องคอมพิวเตอร์แยกออกเป็น 2 ด้านดั้งนี้
1. ด้านฮาร์ดแวร์ ( Hard ware ) ข้อผิดพลาดทางด้านฮาร์ดแวร์ส่วนกายภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์แบ่ง 3 เป็นส่วนใหญ่ๆคือ
1.หน่วยรับข้อมูล เช่น แป้นพิมพ์ หน่วยบันทึก
2.หน่วยความจำเช่น ซิป (chips) หรือหน่วยความ เช่น จานบันทึก
3.หน่วยแสดงผล เช่น จอภาพ เครื่องพิมพ์ ข้อผิดพลาดทางด้านฮาร์ดแวร์จึงอาจเกิดจากอุปกรณ์ใดก็ได้ เช่นนากพิมพ์ไม่ปฏิบัติงานตามปกติควรมีการตรวจสอบว่าแป้นพิมพ์หลุดจากช่องต่อหรือหลวมหรือไม่ หากยังไม่ปกติ ลองนำเครื่องคอมพิมพ์จากเครื่องอื่นมาทดสอบปฏิบัติก็จะได้ทราบผลการทำงานหากเป็นการปฏิบัติงานของจอภาพผิดพลาดเช่นจอภาพไม่ติดขณะปฏิบัติอาจจะเกิดจากจอภาพหรือการ์ดจอก็ได้อย่างแรกลองเปลี่ยนเปลี่ยนจอภาพใหม่ทีใช้งานได้ปกติก่อนหากติดแสดงว่าจอภาพ หากยังไม่สามารถทำงานได้ให้ลองเปลี่ยนการ์ดจอเพื่อทดสอบ หลักเดียวกันนี้สามารถทดสอบกับอุปกรณ์ได้ทุกอุปกรณ์ได้ทุกอุปกรณ์เป็นเพียงหลักการเบื้องต้นเท่านั้น
2. ด้านซอฟต์แวร์ (Soft ware) เป็นข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับโปรแกรมเครื่องคอมพิวเตอร์โปรแกรมที่มีผลต่อการใช้งานมากก็คือเกิดจากซอฟต์แวร์ระบบ ( Systems Software) ทนทีเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์จะอ่านและปฏิบัติการตามโปรแกรมระบบนี้ก่อน โปรแกรมระบบประกอบด้วยโปรแกรมต่างๆ หลายโปรแกรมเช่น loaderหรือตัวบรรจุ มีหน้าทีบรรจุข้อมูลทีส่งเข้าไปเก็บในหน่วยความจำตามเลขทีอยู่ (Address) ต่างๆ ( Operating System ) หรือระบบปฏิบัติการมีหน้าที่เป็นเสมือนแม่บ้าน กล่าวคือ มีหน้าทีคอยควบคุมดูแลการทำงานของหน่วยต่างๆของคอมพิวเตอร์ชิ่งหากเกิดข้อผิดพลาด เช่น ไม่สามารถบูติเครื่องทำงานได้แต่อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ยังปกติ การปฏิบัติการก็ควรได้ดำเนินการติดตั้งโปรแกรมระบบปฏิบัติการใหม่จนกว่าจะใช้งานได้หากฮาร์ดแวร์ปกติแต่ไมสามารถใช้งานได้ควรพิจารณาถึงโปรแกรมไดร์ฟเวอร์เพื่อนำมาติดตั้งให้ฮารแวร์ใช้งานได้ตามปกติ
ส่วนชุดคำสั่งเบ็ดเสร็จ หมายถึง โปรแกรมที่ผู้ผลิตออกมาเป็นชุดเดียวกัน สามารถทำงานได้หลายอย่างโดยเฉพาะงานสำนักงานทั่วไป ทีใช้กันมากได้แก่ โปรแกรมประมวลผลคำ ตารางงานฐานข้อมูลละการสื่อสารเป็นต้น หากเกิดข้อผิดพลาดกับโปรแกรมให้ทำการติดตั้งโปรแกรมใหม่มีผลต่อข้อมูลทีได้บันทึกไว้แล้ว
การดูแลรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์
การดูแลรักษาคอมพิวเตอร์เป็นเรื่องปัญหาทำงานไปได้สักระยะหนึ่งอาจเต็มไปด้วยขยะทั้งฮาร์ดิสก์ การดูแลรักษาเพื่อให้เครื่องใช้ได้นานๆ หรือทำให้เครื่องทำเครื่องทำงานได้เร็วขึ้นมีด้วยกันหลายวิธีดังนี้
- โปรแกรม (Disk cleanup)
โปรแกรม ( Disk cleanup)สำหรับลบไฟล์ทีไม่จำเป็นออกจากฮาร์ดดิสก์ เพื่อให้การทำงานของเรื่องเร็วขึ้นเปรียบได้กับใช้สำหรับการทำความสะอาดฮาร์ดดิสก์ของเครื่องคอมพิวเตอร์มีเนื้อทีเหลือใช้งานเพิ่มมากขึ้น ดั้งนั้นควรทีจะทำการส่งโปรแกรม(Disk cleanup) เป็นประจำประมารสัปดาห์ละครั้ง
ขั้นต้อนการใช้โปรแกรม(Disk cleanup)
1.คลิกปุ่ม (start Menu ) เลือก (programs) และเลือกaccessories)เลือกที(system tools) และเลือก(Disk cleanup)ตามรูปตัวอย่าง
2.จากผลปฏิบัติในข้อที 1 จะได้ผลลัพธ์ดังรูปให้เลือกไดรฟ์ฮาร์ดิสก์ทีต้องการทำการdisk cleanupก่อนและปุ่มok
3.จากผลในข้อที 2 จะได้ผลลัพธ์ดังรูปให้ไม่จำเป็นออกจากนั้นคลิกปุ่ม ok จะมีไดอะล็อกบอกซ์มีทางเลือก yes กับ noเพื่อยืนยันการลบไฟล์คลิกปุ่ม yes
การ Defrag ฮาร์ดดิสก์
เป็นการปฏิบัติเพื่อการเพิ่มความเร็วให้กับการทำงานของระบบ การทำDefrag หรือ Disk defragmenter ก็คือการทำจัดเรียงข้อมูลของไฟล์ต่างๆ ทีเก็บอยู่ในฮาร์ดดิสก์ให้มีความต่อเนื่องหรือเรียงเป็นระบบต่อๆ กัน ประโยชน์ที่จะได้รับคือ ความเร็วในการอ่านข้อมูลทีมีการเก็บข้อมูลแบบกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป เมื่อต้องการอ่านข้อมูลของไฟล์นั้น หัวอ่านของฮาร์ดดิสก์ก็จะต้องมีการเคลื่อนย้ายไปมาเพื่อทำการอ่านข้อมูลจบครบ หากเรามีการทำ defragฮาร์ดดิสก์ จะทำให้การเก็บข้อมูลมีความต่อเนืองกันมากขึ้น เมื่อต้องการอ่านข้อมูลนั้น หัวอ่านของฮารดดิสก์จะสามมารถอ่านได้ โดยไม่ต้องเคลื่อนย้ายหัวอ่านหรือมากเกินไป ทำให้ใช้เวลาในการอ่านเร็วขึ้น
ข้อแนะนำก่อนใช้โปรแกรม Disk defragmenter
เพื่อให้การใช้งาน (Disk Defragmenter ) มีประสิทธิภาพมากทีสุดก่อนการเรียกใช้โปรแกรมDisk Defragmenterควรจะเรียกโปรแกรมก่อนเพื่อการจัดเรียงลำดับของไฟล์ทีใช้งานบ่อยๆ ให้มาอยู่ในลำดับต้นๆ ของฮาร์ดดิสก์โดยโปรแกรมจะทำหน้าทีทีจัดเก็บข้อมูลการใช้งานไฟล์ทีเรียกการใช้บ่อยๆไว้ และนำมาจัดการเรียกบ่อยๆไว้และนำมาจัดการเรียงลำดับให้อยู่ในส่วนแรกๆของฮาร์ดดิสก์ดั้งนั้นการทีเรียกโปรแกรมก่อน Disk defragmenter จะเป็นการเพิ่มความเร็วการอ่านข้อมูลได้อีกทางหนึ่งโปรแกรม จะอยู่ใน Folder c:windows/systems/waling.exeให้ดับเบิลคลิกที่ my computer จากนั้นดับเบิลคลิกทีไฟล์waling.exe
โปรแกรมจะเริมต้องการ Tuning up application เมื่อเสร็จแล้วจึงจะทำการ Defrag ต่อไปนอกจากนี้สิ่งทีสำคัญมากๆในการทำ Disk Defrag คือต้องปิดโปรแกรมต่างๆที่ทำงานอยู่ในขณะนั้นให้หมดก่อน
ใบงานที่ 10 การตั้งค่า BlOS
|
|
|
ใบงานที่ 9 การติดตั้ง Antivirus (ยกตัวอย่างมา 1ชนิด)
วิธีติดตั้ง
NOD32
ANTIVIRUS
1. เริ่มขั้นตอนแรก ก่อนอื่นที่จะทราบถึง วิธีติดตั้ง NOD32 แอนตี้ไวรัส ขอให้เราเข้าไปดาวน์โหลดโปรแกรม NOD32 มาติดตั้งบนเครื่องเสียก่อน
โดยสามารถหาดาวน์โหลดได้ตามเว็บไซต์ของ ESET ได้โดยตรง
หรือว่าจะเข้ามาดาวน์โหลดที่เว็บไซต์ รวบรวมโปรแกรมชื่อดังของไทยอย่าง Thaiware.com ก็ได้ครับ (คลิกเพื่อ ดาวน์โหลดโปรแกรม ESET NOD32 Antivirus 6)
2. หลังจากดาวน์โหลดเสร็จแล้ว
เราจะเห็นไอคอนของโปรแกรม ESET NOD32 Antivirus ซึ่งเป็นแบบ Live Installer* ให้เรากดดับเบิลคลิกไปตามขั้นตอน
* ระบบ
Live Installer คือ เราจะทำการดาวน์โหลดไฟล์ๆ หนึ่งของโปรแกรมนั้นๆ
ลงมาบนเครื่องก่อน ส่วนมากแล้วจะมีขนาดเล็กๆ ขนาดไม่มาก (ประมาณไม่เกิน 2
MB.) หลังจากนั้นเปิดไฟล์ดังกล่าว
เพื่อทำการดาวน์โหลดตัวติดตั้งจริงๆ มาที่เครื่องอีกที
ซึ่งกระบวนการโหลดตัวเต็มนี้อาจจะใช้เวลานานพอสมควร
เพราะไฟล์ที่จะต้องทำการดาวน์โหลดจะค่อนข้างใหญ่ ส่วนมากวิธี Live
Installer จะใช้สำหรับโปรแกรมแอนตี้ไวรัส
หรือโปรแกรมดังๆ ของต่างประเทศ
ไฟล์โปรแกรม NOD32 Live Installer ขนาดไฟล์ประมาณ 1.4
MB.
3. ในส่วนของหน้าแรกของการติดตั้ง
โปรแกรมแอนตี้ไวรัส ESET NOD32 Antivirus 6 ซึ่งเราจะเห็นว่าทาง ESET ได้ใช้เจ้าหุ่นยนต์เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของ NOD32
นี้มาตั้งแต่รุ่นแรกๆ เลยครับ
ดูแล้วเป็นเอกลักษณ์ดี และที่สำคัญมีเมนูและคำแนะนำเป็นภาษาไทยทั้งหมดด้วย
สมกับที่เป็นแอนตี้ไวรัสที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทยจริงๆ
4. ในขั้นตอนที่สี่ของ
วิธีติดตั้ง NOD32 อย่างที่แจ้งเอาไว้ด้านบน เนื่องจากระบบการติดตั้งของโปรแกรม
NOD32 นี้เป็นแบบ
Live Installer จึงต้องดาวน์โหลดตัวติดตั้งมาอีกทีนึง ซึ่งจะเร็วจะช้าก็ขึ้นอยู่กับ
ความเร็วการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณ โดยขนาดไฟล์จะอยู่ที่ประมาณ 50
MB. (จากรูปประกอบด้านล่าง)
รูปร่างหน้าตาของระบบ Live
Installer ขณะกำลังดาวน์โหลด
NOD32
5. หลังจากเสร็จแล้วจะมีหน้าจอปรากฏขึ้นมาให้อ่านสิ่งที่เรียกว่า
EULA (End-user License Agreement) หรือข้อตกลงก่อนการใช้งานซอฟต์แวร์ ซึ่งตามหลักแล้ว จะมีทุกโปรแกรม
ขอให้กดปุ่ม “ฉันยอมรับ” เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป
หากกดปุ่ม “ฉันไม่ยอมรับ” ก็ไม่ต้องไปไหนกันต่อละงานนี้
หน้าข้อตกลงก่อนการใช้งาน โปรแกรม NOD32
6. หลังจากนั้นคุณจะเห็นว่า
ตัวติดตั้งโปรแกรม ESET NOD32 Antivirus 6 นี้ดีมากๆ เลย เพราะเป็นภาษาไทย ไม่ต้องไปนั่งแปล
หรือเดาว่าฟีเจอร์โน่นนี่ คืออะไร ถือว่าเพิ่มความสะดวกในการติดตั้งมากเลยทีเดียว
ในส่วนด้านล่างนี้จะเป็นระบบที่เรียกว่า
ESET Live Grid Network ก็เหมือนกับการส่งข้อมูลการใช้งานของคุณไปยังเซิฟเวอร์ของ ESET
เพื่อให้คุณได้ใช้โปรแกรม NOD32
ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
7. ในขั้นตอนต่อมานี้จะเป็นการค้นหาแอพพลิเคชั่นหรือโปรแกรมที่อาจไม่พึงประสงค์
ต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ โดยเจ้าโปรแกรม NOD32 จะรับหน้าที่ช่วยตรวจสอบความเสี่ยงในการติดตั้งโปรแกรมต่างๆ บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ
ทางที่ดี เราขอแนะนำว่าให้เลือกเพื่อเปิดใช้งาน แล้วกด “ถัดไป” เลย
8. ในขั้นตอนที่แปด
คือการรอให้มันติดตั้งโปรแกรม NOD32 ลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งใช้เวลาไม่เกินครึ่งนาทีจริงๆ
ก็เป็นอันเสร็จสิ้น โดยจะมีปุ่ม “สิ้นสุด” ขึ้นมาให้กด
เท่านั้นคุณก็สามารถใช้งานโปรแกรม
NOD32 แอนตี้ไวรัส
ได้ทันทีแล้ว และโปรแกรม NOD32 ก็พร้อมจะปกป้องเครื่องของคุณแล้วเช่นกัน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)